DEV Community

Cover image for เนิร์ดก็คุยเก่งได้
Passakon Puttasuwan
Passakon Puttasuwan

Posted on

เนิร์ดก็คุยเก่งได้

ทำความเข้าใจและพัฒนาการสื่อสารของคนเนิร์ด: จากความรู้สู่การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ

ในโลกปัจจุบัน "คนเนิร์ด" หรือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางมักถูกมองว่าเป็นกลุ่มคนที่มีความรู้ลึก แต่อาจมีข้อจำกัดในการสื่อสารกับผู้อื่น บทความนี้จะช่วยทำความเข้าใจลักษณะการสื่อสารของคนเนิร์ด พร้อมเสนอแนวทางการพัฒนาทักษะการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ทำความเข้าใจ "คนเนิร์ด"

นิยามและลักษณะเฉพาะ

คนเนิร์ดไม่ได้จำกัดอยู่แค่ภาพจำของคนที่ชอบเล่นเกมหรือจมอยู่กับคอมพิวเตอร์ แต่หมายถึงคนที่มีความสนใจอย่างลึกซึ้งในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง พวกเขามักจะ:

  • มีความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้เรื่องที่สนใจอย่างละเอียด
  • ชอบศึกษาค้นคว้าข้อมูลเชิงลึก
  • มีความต้องการทำความเข้าใจกลไกการทำงานของสิ่งต่างๆ
  • มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในสาขาที่ตนสนใจ

ปัญหาในการสื่อสารของคนเนิร์ด

1. การใช้ภาษาทางเทคนิคมากเกินไป

คนเนิร์ดมักจะใช้คำศัพท์เฉพาะทางในการสื่อสาร โดยลืมไปว่าคู่สนทนาอาจไม่คุ้นเคยกับคำเหล่านั้น

ตัวอย่าง:
"เวลาคุยเรื่องฟิสิกส์ เราอาจจะพูดว่า 'นี่คือ Time Delay แล้วหลังจากนั้นมันก็จะมีเฟสไดอะแกรม' โดยไม่ได้อธิบายความหมายของคำศัพท์เหล่านี้"

2. การข่มผู้อื่นโดยไม่ตั้งใจ

บ่อยครั้งที่คนเนิร์ดอาจแสดงท่าทีเหนือกว่าโดยไม่รู้ตัว เช่น:

  • แสดงความรำคาญเมื่อคนอื่นไม่เข้าใจเรื่องที่พวกเขาคิดว่าง่าย
  • พูดประชดหรือแสดงท่าทีดูถูกเมื่อมีคนถามคำถามพื้นฐาน
  • ใช้น้ำเสียงหรือคำพูดที่สื่อว่าตนเองฉลาดกว่า

3. ขาดการสังเกตปฏิกิริยาผู้ฟัง

คนเนิร์ดมักจดจ่อกับเนื้อหาที่ต้องการสื่อสารมากเกินไป จนลืมสังเกตว่าผู้ฟังยังติดตามได้หรือไม่

ตัวอย่างสถานการณ์:
"เวลาอธิบายเรื่องที่ซับซ้อน แล้วผู้ฟังเริ่มมีสีหน้างง แทนที่จะหยุดและถามว่าเข้าใจหรือไม่ กลับพูดต่อไปเรื่อยๆ จนจบ"

4. การติดกับรายละเอียดปลีกย่อยโดยไม่คำนึงถึงบริบท

คนเนิร์ดมักมีนิสัยจับผิดหรือติดใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แม้ในสถานการณ์ที่รายละเอียดเหล่านั้นอาจไม่สำคัญต่อประเด็นหลักของการสนทนา

ตัวอย่างสถานการณ์:

  • เมื่อมีคนอธิบายการคำนวณทางคณิตศาสตร์แบบคร่าวๆ แต่กลับติดใจว่า "ลืมบวก C ในการอินทิเกรต" ทั้งที่เป็นการอธิบายเพื่อให้เข้าใจหลักการกว้างๆ
  • ในการอธิบายแนวคิดพื้นฐาน แต่กลับพยายามเพิ่มเติมข้อยกเว้น 1% ที่ไม่จำเป็นในบริบทนั้น
  • การแทรกแซงการสนทนาเพื่อแก้ไขรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ จนทำให้ประเด็นหลักของการสนทนาเบี่ยงเบนไป

ผลกระทบ:

  1. ทำให้การสนทนาไม่ราบรื่น
  2. ทำให้คู่สนทนารู้สึกอึดอัดหรือไม่สบายใจ
  3. เบี่ยงเบนความสนใจจากประเด็นหลักที่กำลังพูดคุย
  4. อาจทำให้ผู้ฟังสับสนและเข้าใจยากขึ้น

แนวทางการแก้ไข:

1. ประเมินความสำคัญของรายละเอียด

  • พิจารณาว่ารายละเอียดนั้นจำเป็นต่อการเข้าใจประเด็นหลักหรือไม่
  • ถามตัวเองว่าการแก้ไขรายละเอียดนั้นจะช่วยให้การสื่อสารดีขึ้นจริงหรือไม่
  • คำนึงถึงบริบทของการสนทนา (เช่น เป็นการพูดคุยทั่วไป หรือการสอนที่ต้องการความแม่นยำ)

2. เลือกจังหวะที่เหมาะสม

  • หากจำเป็นต้องแก้ไข ให้รอจนกว่าคู่สนทนาจะพูดจบ
  • อาจเก็บประเด็นไว้คุยในภายหลังหากไม่กระทบต่อความเข้าใจโดยรวม
  • หากต้องแก้ไข ให้ทำด้วยท่าทีสุภาพและให้เกียรติ

3. ปรับมุมมองการสื่อสาร

  • เน้นที่การทำให้ผู้ฟังเข้าใจภาพรวมก่อนรายละเอียด
  • ยอมรับว่าบางครั้งการอธิบายแบบคร่าวๆ ก็เพียงพอ
  • เข้าใจว่าไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบในทุกการสนทนา

แนวทางการพัฒนาการสื่อสาร

1. การประเมินและปรับระดับการสื่อสาร

การสังเกตผู้ฟัง

  • ดูสีหน้าและปฏิกิริยาของผู้ฟังตลอดการสนทนา
  • สังเกตว่าผู้ฟังยังติดตามเนื้อหาได้หรือไม่
  • ถ้าเห็นว่าผู้ฟังเริ่มงง ให้หยุดและถามว่าต้องการให้อธิบายเพิ่มเติมหรือไม่

การปรับระดับความซับซ้อน

  • เริ่มจากพื้นฐานและค่อยๆ เพิ่มความซับซ้อน
  • ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย หลีกเลี่ยงศัพท์เทคนิค
  • ถ้าจำเป็นต้องใช้คำศัพท์เฉพาะ ให้อธิบายความหมายก่อน

2. การสร้างบทสนทนาที่สมดุล

การรับฟังอย่างตั้งใจ

  • ให้ความสนใจกับความคิดเห็นของผู้อื่น
  • ไม่รีบด่วนแย้งหรือแสดงความคิดเห็น
  • พยายามเข้าใจมุมมองของคู่สนทนา

การหาจุดร่วมในการสนทนา

  • ค้นหาหัวข้อที่ทั้งสองฝ่ายสนใจ
  • ปรับระดับการสนทนาให้เหมาะสมกับทั้งสองฝ่าย
  • สร้างบรรยากาศที่ทุกคนรู้สึกสบายใจที่จะแสดงความคิดเห็น

3. การพัฒนามารยาทในการสนทนา

การควบคุมการแสดงออก

  • ไม่แสดงความรำคาญเมื่อต้องอธิบายซ้ำ
  • หลีกเลี่ยงการใช้น้ำเสียงหรือท่าทีที่แสดงความเหนือกว่า
  • ให้เกียรติความคิดเห็นของผู้อื่น แม้จะไม่ตรงกับความคิดของตน

การรักษามารยาทพื้นฐาน

  • ไม่พูดแทรกขณะผู้อื่นกำลังพูด
  • รอให้คู่สนทนาพูดจบก่อนแสดงความคิดเห็น
  • ไม่ผูกขาดการสนทนาด้วยเรื่องที่ตนเองสนใจเพียงฝ่ายเดียว

กรณีศึกษา: การปรับปรุงการสื่อสารในสถานการณ์ต่างๆ

สถานการณ์ที่ 1: การอธิบายเรื่องทางเทคนิค

ไม่ดี:
"ระบบนี้ใช้ Time Delay Mechanism ที่มี Phase Diagram แบบ Non-linear ในการ..."

ดี:
"ระบบนี้ทำงานโดยมีการหน่วงเวลา คล้ายๆ กับตั้งเวลาปลุก แล้วค่อยๆ ปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์..."

สถานการณ์ที่ 2: การตอบคำถามพื้นฐาน

ไม่ดี:
"โอ้โห แค่นี้ก็ไม่รู้เหรอ? นี่มันพื้นฐานมากๆ เลยนะ"

ดี:
"เรื่องนี้อาจจะดูซับซ้อนตอนแรก เดี๋ยวผม/ดิฉันลองอธิบายให้ฟังทีละขั้นนะครับ/คะ"

สถานการณ์ที่ 3: การจัดการกับรายละเอียดปลีกย่อย

ไม่ดี:
"ขอโทษนะครับ ที่คุณพูดมาไม่ถูกต้องทั้งหมด เพราะมีข้อยกเว้น 1% ที่..." (แทรกขึ้นมาทันทีระหว่างที่คนอื่นกำลังอธิบาย)

ดี:
"ประเด็นหลักที่คุณอธิบายมาเข้าใจง่ายดีครับ ถ้าสนใจเพิ่มเติม มีรายละเอียดปลีกย่อยที่น่าสนใจ เดี๋ยวผมขอเสริมได้ไหมครับ" (รอให้จบก่อนและขออนุญาตเพิ่มเติม)

เทคนิคการรับมือกับสถานการณ์เฉพาะ

1. เมื่อผู้ฟังไม่เข้าใจ

  • หยุดการอธิบายชั่วคราว
  • ถามว่าส่วนไหนที่ไม่เข้าใจ
  • ลองใช้ตัวอย่างหรือการเปรียบเทียบใหม่
  • ย้อนกลับไปอธิบายจากจุดที่เข้าใจล่าสุด

2. เมื่อการสนทนาเริ่มเป็นการเทคนิคมากเกินไป

  • สังเกตปฏิกิริยาของผู้ร่วมสนทนาคนอื่นๆ
  • พยายามดึงกลับมาสู่ระดับที่ทุกคนเข้าใจได้
  • เปิดโอกาสให้คนอื่นได้แสดงความคิดเห็น

3. เมื่อต้องการแบ่งปันความรู้เฉพาะทาง

  • ประเมินความสนใจของผู้ฟังก่อน
  • เริ่มจากภาพรวมก่อนลงรายละเอียด
  • ใช้ตัวอย่างที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน

บทสรุป

การพัฒนาทักษะการสื่อสารสำหรับคนเนิร์ดไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไป สิ่งสำคัญคือการตระหนักรู้และเต็มใจที่จะปรับปรุง การสื่อสารที่ดีไม่ได้หมายถึงการลดทอนความรู้หรือความเชี่ยวชาญของตนเอง แต่เป็นการถ่ายทอดความรู้นั้นให้ผู้อื่นเข้าใจได้ง่ายขึ้น

ความสำเร็จในการสื่อสารวัดจากความเข้าใจของผู้ฟัง ไม่ใช่จากปริมาณข้อมูลที่เราถ่ายทอดออกไป การพัฒนาทักษะเหล่านี้อาจต้องใช้เวลาและความพยายาม แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นและการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นกับผู้อื่น

ที่มา : มารยาทเด็กเนิร์ด - 9ARM - https://www.youtube.com/watch?v=wezS_S6wMSY

Top comments (0)