DEV Community

Weerasak Chongnguluam
Weerasak Chongnguluam

Posted on

สรุปฟังก์ชันในการจัดการ Elixir Map เบื้องต้น

ข้อมูลของ Elixir เป็นแบบ immutable ซึ่งกลไกการแก้ไขจัดการข้อมูล แทนที่จะใช้หลักคิดเดียวกันกับภาษาอื่นที่มีตัวแปร หรือ object แล้วใช้การแก้ไขค่าของตัวแปรหรือ object แต่สำหรับ immutable แล้วมองว่าคือการ transforms ไปเป็นค่าใหม่ ซึ่งการ transformation นั้นก็คือใช้ function นั่นเอง

สำหรับ Map แล้วก็จะมี module Map ที่รวบรวมฟังก์ชันสำหรับจัดการ Map เอาไว้ให้หลายตัว โพสต์นี้จะสรุปที่ใช้บ่อยๆเบื้องต้นเอาไว้หน่อย

Map.put เพิ่ม key , value ใหม่เข้าไปใน Map

สำหรับภาษาอื่นอ่านจะใช้ท่าแบบนี้ map[key] = value ได้เลยแต่สำหรับ Elixir เราจะใช้ function Map.put ช่วยแทนเช่น

map = %{} # empty map
map = Map.put(map, :name, "Por") # เพิ่ม key :name , value "Por" เข้าไปใน map แล้ว rebinding ที่ตัวแปร map อีกรอ
Enter fullscreen mode Exit fullscreen mode

Map.update ไว้อัพเดทค่าโดยส่ง transformation function เข้าไป

ฟังก์ชันนี้จะรับค่า map ค่า key ที่ต้องการแก้ไข และ ค่า default ถ้าเกิดว่า map ยังไม่มี key นี้มาก่อน สุดท้ายรับ function ที่จะรับค่า value เดิมถ้ามีพร้อมกับ logic ในการแก้ไขค่านั้น ตัวอย่างเช่น

map = %{name: "Weerasak"}
map = Map.update(map, :name, "N/A", fn(name) -> "Mr ." <> name end)
Enter fullscreen mode Exit fullscreen mode

หรือถ้าต้องการอัพเดทเฉพาะที่มี key เท่านั้นก็ใช้ Map.update! แทนเพราะฟังก์ชันนี้ไม่ต้องมีค่า default แบบนี้

map = %{name: "Weerasak"}
map = Map.update!(map, :name, fn(name) -> "Mr ." <> name end) # map = %{name: "Mr. Weerasak"}
Enter fullscreen mode Exit fullscreen mode

Map.delete

ฟังก์ชันนี้จะลบ key ที่ต้องการออกจาก Map เช่น

map = %{name: "Weerasak", age: 35}
map = Map.delete(map, :age) # map = %{name: "Weerasak"}
Enter fullscreen mode Exit fullscreen mode

Map.fetch และ Map.fetch!

Map.fetch ให้เพื่อ lookup ค่าจาก Map โดยโดยถ้า key ที่ต้องการไม่เจอจะ return :error แต่ถ้าเจอจะ return {:ok, value} ส่วน Map.fetch! นั้นถ้าไม่เจอจะเกิด KeyError แต่ถ้าเจอจะได้ค่านั้นออกมาเลย เช่น

map = %{name: "Weerasak", age: 35}
{:ok, age} = Map.fetch(map, :age)
age = Map.fetch!(map, :age)
Enter fullscreen mode Exit fullscreen mode

Map.get

Map.get ก็คล้ายๆ Map.fetch ต่างกันตรง Map.get จะสามารถใส่ค่า default ให้ได้ว่าถ้าไม่เจอ key ที่ต้องการจะให้เป็นค่าอะไร ถ้าไม่กำหนดค่า default แล้วไม่เจอ key จะได้ค่า nil กลับมา เช่น

map = %{name: "Weerasak", age: 35}
age = Map.get(map, :age) # age == 35
address = Map.get(map, :address) # address == nil
Enter fullscreen mode Exit fullscreen mode

Map.values และ Map.keys

Map.values จะเอาไว้ดึงค่า list ของ values ทั้งหมดใน map ออกมา ส่วน Map.keys ก็เอาไว้ list ค่าของ keys ทั้งหมดออกมาเช่น

map = %{name: "Weerasak", age: 35}
values = Map.values(map) # values == ["Weerasak", 35]
keys = Map.keys(map) # keys == [:name, :age]
Enter fullscreen mode Exit fullscreen mode

Map.take, Map.drop และ Map.split

Map.take จะให้เรากรอง map ให้เหลือแต่ keys ที่เราต้องการ ส่วน Map.drop จะเอา keys ที่เราไม่ต้องการออก และ Map.split จะเหมือนกับสั่ง Map.take และ Map.drop พร้อมกันคือจะแยกส่วนที่โดนเลือกกับไม่ได้เลือกออกจากกันเช่น

map = %{a: 1, b: 2, c: 3, d: 4}
take = Map.take(map, [:a, :d]) # take == %{a: 1, d: 4}
drop = Map.drop(map, [:a, :d]) # drop == %{b: 2, c: 3}
split = Map.split(map, [:a, :d]) # split = {%{a: 1, d: 4}, %{b: 2, c: 3}
Enter fullscreen mode Exit fullscreen mode

Map.to_list

Map.to_list จะแปลง Map ให้กลายเป็น list ของ tuple ของ key กับ value แทนเช่น

map = %{a: 1, b: 2, c: 3, d: 4}
list = Map.to_list(map) # list == [{:a, 1}, {:b, 2}, {:c, 3}, {:d, 4}]
Enter fullscreen mode Exit fullscreen mode

Map.merge

Map.merge เอาไว้จับ map สองค่ารวมกันโดยที่ถ้า map แรกมี key ซ้ำกับ map ที่สองที่ใช้ค่าของ map ที่สองแทน ถ้าทำซับซ้อนกว่านี้ต้องเพิ่ม function เพื่อเลือกเองว่าจะเอาค่าไหน

map = Map.merge(%{a: 1, b: 2}, %{a: 3, d: 4}) # map == %{a: 3, b: 2, d: 4}
Enter fullscreen mode Exit fullscreen mode

Top comments (0)