🎯 คำแนะนำสั้น ๆ
✅ Expo: เหมาะกับผู้เริ่มต้น, MVP, ทีมเล็ก, ต้องการเร็ว
✅ React Native CLI: เหมาะกับทีม dev จริงจัง, ใช้ native module เยอะ, ต้องการควบคุมทุกอย่างเอง
React Native เป็นหนึ่งในเฟรมเวิร์กยอดนิยมสำหรับการพัฒนาแอปมือถือแบบ cross-platform แต่เมื่อคุณเริ่มต้น คุณจะพบว่า React Native มี 2 ทางให้เลือกคือ “React Native CLI” และ “Expo”
บทความนี้จะพาคุณมารู้จักความแตกต่าง ข้อดี ข้อเสีย และเคล็ดลับในการเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมกับโปรเจกต์ของคุณ
React Native CLI
- เป็นเครื่องมือพื้นฐานของ React Native
- ต้องติดตั้ง Xcode (iOS) และ Android Studio (Android)
- มีความยืดหยุ่นสูง
- ไม่สามารถรันบนเว็บเบราเซอร์ได้โดยตรงถ้ารันต้องใช้ Map react-native ไปยัง react-native-web ปรับ Babel ให้รองรับ React Native
Expo
- เป็น framework + platform ที่ช่วยให้พัฒนาแอปได้ง่ายขึ้น
- มี Expo Go ให้ทดลองแอปบนมือถือได้ทันที
- เหมาะกับคนที่อยากเริ่มเร็ว ไม่อยาก config เยอะ
Expo Go คืออะไร?
- Expo Go คือแอปสำเร็จรูป (มีใน App Store และ Google Play) ที่สามารถโหลดโปรเจกต์ Expo ของคุณมารันแบบ real-time ได้ ผ่าน QR Code
- Expo Go คือแอปมือถือที่ช่วยให้นักพัฒนาสามารถ “รัน” และ “ทดสอบ” แอปที่เขียนด้วย Expo (React Native) ได้ทันที โดย ไม่ต้อง build แอปเป็น .apk หรือ .ipa
ไฟล์ .apk และ .ipa คืออะไร?
ประเภทไฟล์ | แพลตฟอร์ม | คืออะไร |
---|---|---|
.apk |
Android | ย่อมาจาก Android Package เป็นไฟล์ติดตั้งแอป Android |
.ipa |
iOS | ย่อมาจาก iOS App Store Package เป็นไฟล์ติดตั้งแอปบน iPhone / iPad |
⚙️ การเริ่มต้นใช้งาน
React Native CLI
npx react-native init MyApp
cd MyApp
npx react-native run-ios / run-android
Expo
npx create-expo-app MyApp
cd MyApp
npx expo start
✅ ข้อดี-ข้อเสีย
หัวข้อ | React Native CLI | Expo |
---|---|---|
การติดตั้ง | ต้อง config เยอะ | ใช้งานง่ายมาก |
Native Modules | เขียน Native Code ได้เต็มที่ | จำกัด ต้อง Eject ถึงจะเขียน Native ได้ |
Debug/Test | ต้องใช้ emulator/simulator | ใช้แอป Expo Go ได้เลย |
Build | ต้องตั้งค่าทุกอย่างเอง | Expo มี Cloud Build (ง่าย) |
ขนาดแอป | เล็กกว่า | ใหญ่กว่าเพราะ include lib มาตรฐาน |
เรียนรู้ | ยากกว่าเล็กน้อย | เป็นมิตรกับผู้เริ่มต้น |
🧠 แล้วควรเลือกอะไร?
คุณคือ... | ควรเลือก |
---|---|
มือใหม่ อยากเริ่มเร็ว | ✅ Expo |
ต้องใช้ Native SDK พิเศษ | ✅ React Native CLI |
โปรเจกต์เล็ก-กลาง | ✅ Expo |
โปรเจกต์องค์กร/ซับซ้อน | ✅ React Native CLI |
💡 ตัวอย่างสถานการณ์จริง
“ฉันอยากทำแอป To-do List + กล้องถ่ายรูป”
ถ้าใช้ Expo อาจเจอข้อจำกัดเรื่องการเข้าถึง native camera library บางตัว — แก้โดย eject
“ฉันต้องใช้ SDK ธนาคาร”
ใช้ React Native CLI ดีกว่า เพราะคุณสามารถ integrate native module ได้เต็มที่
🔚 สรุป
- React Native CLI เหมาะกับนักพัฒนาที่ต้องการควบคุมระบบได้เต็มที่
- Expo เหมาะกับผู้เริ่มต้นและโปรเจกต์ที่อยากพัฒนาเร็วโดยไม่ต้องจัดการ native มากนัก
- ไม่มีทางเลือกไหนดีที่สุด แต่มี “ทางเลือกที่เหมาะที่สุดสำหรับคุณ”
📌 ความแตกต่างระหว่าง React Native CLI vs Expo
หัวข้อ | React Native CLI | Expo |
---|---|---|
⚙️ การติดตั้งและเริ่มต้น | ต้องติดตั้ง Xcode, Android Studio, และตั้งค่า environment | ใช้งานง่าย ติดตั้งเร็ว ไม่ต้อง setup Android/iOS SDK เอง |
🔌 การใช้ Native Modules | เขียน/ใช้ native code ได้เต็มที่ (เช่น Java, Swift, Objective-C) | จำกัดเฉพาะ module ที่ Expo รองรับ เว้นแต่จะ “eject” |
📱 การทดสอบแอป | ใช้ emulator หรือ device จริง | ใช้แอป Expo Go สแกน QR ก็ preview ได้ทันที |
🛠️ ความยืดหยุ่น | ยืดหยุ่นสูง ปรับแต่งได้ทุกส่วน | สะดวกแต่มีข้อจำกัดในการเข้าถึง native functionality |
🧱 ขนาดแอป (APK/IPA) | เบากว่า เพราะ build เฉพาะ module ที่ใช้ | ใหญ่กว่าเพราะรวม libraries ที่อาจไม่ได้ใช้ทั้งหมด |
🔧 การ build และ release | ต้อง setup build ด้วยตนเอง (Xcode, Gradle) | มี Expo CLI + EAS Build (cloud build ง่ายๆ) |
📦 Dependency และ Third-party | ใช้ package ได้เกือบทั้งหมด | ใช้ได้เฉพาะ package ที่รองรับกับ Expo หรือ custom หลัง eject |
🧪 การ debug และ devtools | ใช้ Metro bundler, React DevTools, Flipper ฯลฯ | รองรับ debug ผ่าน Expo DevTools, web UI |
💼 เหมาะกับโปรเจกต์แบบไหน | โปรเจกต์ที่ซับซ้อน, ต้องใช้ native SDK, มีทีม dev | MVP, โปรเจกต์เล็ก-กลาง, แอป internal, นักพัฒนาเดี่ยว |
🔃 การ Eject | ไม่จำเป็น (เพราะควบคุมทุกอย่างอยู่แล้ว) | หากต้องใช้ native module ต้อง eject จาก Expo ไปยัง CLI |
🟥 สิ่งที่ React Native CLI ทำได้ แต่ Expo ทำไม่ได้ (หรือจำกัด)
ฟีเจอร์ | คำอธิบาย |
---|---|
🧩 ใช้งาน Native Modules ที่ไม่มีใน Expo ได้ | เช่น SDK ธนาคาร, Bluetooth library, ARKit, เครื่องสแกนลายนิ้วมือแบบเฉพาะ ฯลฯ |
🛠️ เขียน native code ได้เต็มรูปแบบ | แก้ไขไฟล์ .java , .kt , .swift , .objc ได้โดยตรง |
📦 ติดตั้งทุก 3rd-party libraries ได้ | รวมถึง library ที่ต้อง link native code ด้วย |
🚀 แอปมีขนาดเล็กกว่า (ถ้า optimize) | ไม่มีการรวม library ที่ไม่ใช้เข้าไปโดยอัตโนมัติ |
📂 ควบคุม build tools ได้ทั้งหมด | ปรับแต่ง Gradle, Xcode, keystore ฯลฯ ได้ละเอียด |
📍 ใช้เครื่องมือ CI/CD เฉพาะทางได้ง่ายกว่า | เช่น Fastlane, Bitrise, Github Actions แบบ native-level |
🟩 สิ่งที่ Expo ทำได้ แต่ React Native CLI ทำไม่ได้ (หรือทำยาก)
ฟีเจอร์ | คำอธิบาย |
---|---|
⚡ เริ่มต้นได้เร็วมาก | Expo มี create-expo-app พร้อม DevTools GUI, ไม่ต้อง config environment |
📱 Preview แอปทันทีผ่าน QR Code | ใช้แอป Expo Go บนมือถือ สแกน QR code ก็ทดสอบแอปได้เลย |
☁️ Cloud Build (EAS Build) | สร้างไฟล์ .apk / .ipa บน Cloud ได้โดยไม่ต้องลง Xcode หรือ Android Studio |
🔄 Hot Reload/Live Reload เสถียรกว่า | Expo Go ให้ประสบการณ์ reload ที่รวดเร็วมากบนอุปกรณ์จริง |
🔌 ใช้งาน Native APIs ได้เลยโดยไม่ต้องติดตั้งเพิ่ม | เช่นกล้อง, location, notification, sensors ผ่าน expo-modules
|
🧪 Testing บน Web ได้ (expo web) | พัฒนาแอปบนเว็บก่อน deploy mobile ด้วย Expo for Web |
🎯 Managed Workflow | ไม่ต้องแตะ native code เลย ตลอด lifecycle การพัฒนา |
🎁 Expo Snack (ออนไลน์ IDE) | เขียน React Native บนเว็บและ preview ได้ทันที ไม่ต้องติดตั้งอะไรเลย |
🎯 สรุปแบบเข้าใจง่าย
Expo | React Native CLI | |
---|---|---|
🚀 เริ่มเร็ว | ✅ | ❌ |
🔌 เขียน native code เอง | ❌ (ต้อง eject) | ✅ |
🧪 รองรับ native SDK พิเศษ | ❌ | ✅ |
☁️ Cloud Build ง่าย | ✅ (EAS Build) | ❌ (ต้อง config เอง) |
📱 ใช้ Expo Go preview | ✅ | ❌ |
🎯 ควบคุมละเอียดทุกส่วน | ❌ | ✅ |
🔄 ถ้าใช้ Expo แล้วอยากได้พลัง CLI ทำไง?
Expo รองรับการ Eject (Convert ไปใช้ CLI) ได้ครับ
npx expo eject
หลัง eject แล้วคุณจะได้ native Android/iOS project ซึ่งสามารถติดตั้ง native module และปรับแต่งได้เหมือน React Native CLI ปกติ
Top comments (0)