Cybersecurity กำลังกลายเป็นสาขาที่กว้างขึ้นเรื่อย ๆ เมื่ออุตสาหกรรมต่าง ๆ ย้ายเข้าสู่โลกออนไลน์และกลายเป็นส่วนหนึ่งของภูมิทัศน์ดิจิทัล ซึ่งหมายความว่า แทบทุกอุตสาหกรรมล้วนมีความต้องการด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ไม่ใช่แค่เฉพาะอุตสาหกรรมด้านนี้โดยตรง
บทบาทใน Cybersecurity มีความหลากหลายมากขึ้น ไม่จำกัดอยู่แค่ “แฮกเกอร์” หรือผู้เขียนโค้ดอีกต่อไป แต่ครอบคลุมทักษะที่ต้องทำงานร่วมกันหลายด้าน โดยสามารถแบ่งหมวดหมู่หลัก ๆ ได้ดังนี้:
1. วิศวกรรมความปลอดภัย (Security Engineering)
ส่วนนี้เน้นไปที่การ “ลงมือปฏิบัติจริง” ทางเทคนิคเพื่อป้องกันความปลอดภัยในหลายรูปแบบ:
- Information Security (InfoSec): ปกป้องข้อมูลไม่ให้ถูกเข้าถึง เปลี่ยนแปลง แชร์ หรือถูกลบโดยไม่ได้รับอนุญาต
- Network Security: ปกป้องโครงสร้างพื้นฐานของเครือข่ายจากการเข้าถึงหรือดักข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
- Application Security: ป้องกันแอปพลิเคชัน (ทั้งมือถือ เดสก์ท็อป และเว็บ) จากการถูกโจมตี เช่น การเขียนโค้ดอย่างปลอดภัย การใช้แอนตี้ไวรัส ไฟร์วอลล์ และการเข้ารหัส
- Cloud Security: ปกป้องข้อมูลที่ถูกเก็บในระบบคลาวด์ ซึ่งเป็นสาขาใหม่ที่กำลังเติบโต
- Cryptography: การเข้ารหัสเพื่อให้ข้อมูลสามารถอ่านได้เฉพาะผู้ที่มีสิทธิ์ ต้องรู้จักอัลกอริธึมการเข้ารหัสและแฮชต่าง ๆ
- Critical Infrastructure Security: ปกป้องระบบที่สำคัญ เช่น ไฟฟ้า โรงพยาบาล น้ำ ระบบขยะ หรือแม้แต่โรงเรียน ที่กำลังกลายเป็นดิจิทัลมากขึ้น
2. กำกับดูแลและการปฏิบัติตามกฎหมาย (Governance and Compliance)
สิ่งสำคัญคือ ต้องเข้าใจ กฎหมายและระเบียบข้อบังคับทั้งในระดับนานาชาติ ระดับประเทศ และระดับท้องถิ่น เพราะสิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อการดำเนินการด้านความปลอดภัยของทุกองค์กร
Compliance (การปฏิบัติตามข้อกำหนด) คือการทำให้องค์กรมีนโยบายด้านความปลอดภัย และมีการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง
แม้บทบาทนี้อาจไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านการเขียนโปรแกรม แต่ต้องมีพื้นฐานด้าน Cybersecurity และรู้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมต่าง ๆ อย่างลึกซึ้ง
3. การบริหารความเสี่ยงและข่าวกรองภัยคุกคาม (Risk Management and Threat Intelligence)
ระบบใด ๆ ก็ไม่มีวันสมบูรณ์แบบ ความเสี่ยงมีอยู่เสมอ หน้าที่ของคนในสายนี้คือการ “จัดการความเสี่ยง” ให้ดีที่สุด
- ระบุความเสี่ยง
- ประเมินโอกาสและผลกระทบ
- หามาตรการป้องกันที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่าที่สุด
Threat Intelligence (ข่าวกรองภัยคุกคาม) คือการเก็บข้อมูลความรู้เกี่ยวกับการโจมตีที่อาจเกิดขึ้น เช่น:
- แรงจูงใจของผู้โจมตี
- ขนาดของการโจมตี
- ช่องทางที่อาจถูกใช้
บทบาทนี้มักเกี่ยวข้องกับ Data Science และ Machine Learning เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาล
4. การปฏิบัติการด้านความปลอดภัย (Security Operations)
หน้าที่ของผู้ที่ทำงานในสายนี้คือ:
- นำหลักการความปลอดภัยมาใช้จริง
- เฝ้าระวังเหตุการณ์ผิดปกติ
- ฟื้นฟูระบบหลังภัยพิบัติ
พวกเขาทำงานร่วมกับทุกฝ่ายใน Cybersecurity เพื่อ:
- ตรวจจับเหตุผิดปกติ
- วางมาตรการป้องกัน
- สำรองข้อมูลในกรณีที่ระบบถูกเจาะ
- ติดตามการเปลี่ยนแปลงระบบ
- วางแผนกู้คืนระบบไว้ล่วงหน้า
- เขียนเอกสารและนโยบายให้คนในองค์กรปฏิบัติตาม
5. การศึกษา (Education)
การให้ความรู้เรื่องความปลอดภัยไซเบอร์กำลังกลายเป็นสายงานเฉพาะทาง! เพราะเทคโนโลยีที่ออกแบบมาอย่างปลอดภัยแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์หากผู้ใช้ไม่เข้าใจ
การศึกษาผู้ใช้ จะช่วยให้ประชาชนรู้วิธีป้องกันตนเองจากภัยคุกคามทางไซเบอร์
การฝึกอบรมในองค์กร เป็นอีกส่วนที่สำคัญ เช่น การอบรมพนักงานเกี่ยวกับนโยบายความปลอดภัย
และยังรวมถึงการพัฒนาและฝึกอบรมผู้เชี่ยวชาญรุ่นใหม่ในสาขานี้อีกด้วย
สรุป
Cybersecurity จึงเป็นอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ทั้งด้านเทคนิค การบริหาร การวางแผน และการให้ความรู้ หากคุณสนใจในเทคโนโลยีและอยากสร้างความเปลี่ยนแปลงในโลกดิจิทัล สายงานนี้อาจเป็นคำตอบสำหรับคุณ
Reference : https://www.codecademy.com/learn/introduction-to-cybersecurity
Top comments (0)
Some comments may only be visible to logged-in visitors. Sign in to view all comments.