DEV Community

Cover image for เส้นทางอาชีพการเป็น Software Developer กับ ChatGPT #6.1 JavaScript Track
devmountaintechfest
devmountaintechfest

Posted on

เส้นทางอาชีพการเป็น Software Developer กับ ChatGPT #6.1 JavaScript Track

ถ้าอยากเริ่มเขียนโปรแกรม ควรเขียนภาษาไหนดี

การเรียนรู้ภาษาโปรแกรมขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และตลาดงานในสาขาที่ต้องการทำงานด้วยภาษาโปรแกรมนั้น ๆ ภาษาโปรแกรมที่นิยมใช้ในปัจจุบันได้แก่ Python, Java, JavaScript, C++, C#, Ruby, Kotlin และ Swift ซึ่งแต่ละภาษามีความเหมาะสมกับงานและโปรเจกต์ที่แตกต่างกันไป ดังนั้นควรศึกษาตลาดงานและแนวโน้มของสายงานที่สนใจเพื่อเลือกศึกษาและเรียนรู้ภาษาโปรแกรมที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์และสายงานของตนเอง

ถ้าจะเริ่มเขียน JavaScript จะเริ่มต้นอย่างไรบ้าง

  1. เรียนรู้พื้นฐาน HTML/CSS: ในการพัฒนาเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันใด ๆ โค้ด JavaScript จะถูกฝังอยู่ใน HTML และ CSS ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเรียนรู้พื้นฐานของ HTML และ CSS ก่อนที่จะเขียน JavaScript

  2. เรียนรู้พื้นฐาน JavaScript: เริ่มต้นโดยเรียนรู้พื้นฐานของภาษา JavaScript เช่น ตัวแปร ตัวดำเนินการ การเขียนฟังก์ชัน การเขียนเงื่อนไข การใช้คำสั่งควบคุมการทำงานของโปรแกรม และอื่น ๆ

  3. ศึกษา Library และ Framework ของ JavaScript: JavaScript มี Library และ Framework มากมายเพื่อช่วยให้ง่ายต่อการพัฒนาและการจัดการโค้ด บางตัวที่นิยมใช้กันได้แก่ jQuery, React, Angular, Vue.js และ Node.js

  4. ปฏิบัติการ: เขียนโปรแกรมจริง ๆ ที่มีความซับซ้อนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อปรับปรุงทักษะและเพิ่มประสิทธิภาพในการเขียนโค้ดของคุณ

  5. อ่านหนังสือ และเรียนรู้จากแหล่งอื่น ๆ: ค้นหาหนังสือหรือวิดีโอที่จะช่วยให้คุณเรียนรู้ JavaScript และอื่น ๆ ออนไลน์เช่น MDN Web Docs, Stack Overflow, W3Schools และ Codecademy

  6. เข้าร่วมชุมชน: เข้าร่วมชุมชนสำหรับนักพัฒนาเว็บไซต์และผู้ใช้ JavaScript

หากจะเขียน Backend ด้วย Nodejs จำเป็นต้องศึกษาเรื่องใดบ้าง

หากต้องการเขียน Backend ด้วย Node.js จำเป็นต้องศึกษาเรื่องต่างๆ ดังนี้

  1. JavaScript: จำเป็นต้องมีพื้นฐานและเข้าใจการเขียนโค้ดภาษา JavaScript เพื่อใช้ในการเขียน Backend ด้วย Node.js
  2. Node.js: ต้องศึกษาความเข้าใจเกี่ยวกับ Node.js โดยเฉพาะการทำงานและการใช้งานของโมดูล (module) ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเขียน Backend
  3. HTTP/HTTPS Protocol: ต้องเข้าใจการทำงานของ HTTP และ HTTPS Protocol เพื่อสร้างและใช้งาน API ในการติดต่อกับ Client
  4. การเขียน API: ต้องรู้จักและเข้าใจการออกแบบและพัฒนา API เพื่อให้ Client สามารถเชื่อมต่อและใช้งาน Backend ได้อย่างถูกต้อง
  5. ฐานข้อมูล: ต้องมีความรู้ในการออกแบบฐานข้อมูลและการเขียนคำสั่ง SQL เพื่อเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลและดึงข้อมูลมาใช้งานใน Backend
  6. Security: ต้องมีความรู้เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยในการเขียน Backend เช่น การจัดการและตรวจสอบข้อมูล Input, การเข้ารหัส, การใช้งาน Token และการทำ HTTPS
  7. การทำ Testing: ต้องมีความรู้ในการทำ Unit Testing และ Integration Testing เพื่อตรวจสอบความถูกต้องและความเสถียรของโปรแกรม
  8. Frameworks: สามารถเรียนรู้เกี่ยวกับ Framework ของ Node.js เช่น Express, Koa, Hapi เป็นต้น เพื่อช่วยในการสร้าง Backend ได้อย่างรวดเร็วและมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

Image description

ขอ Outline สำหรับศึกษา JavaScript และ Nodejs สำหรับผู้เริ่มต้น

นี่คือ Outline สำหรับศึกษา JavaScript และ Node.js สำหรับผู้เริ่มต้น:

I. JavaScript
A. Introduction

  1. ความสำคัญของภาษา JavaScript
  2. ประวัติของภาษา JavaScript
  3. วิธีการใช้ JavaScript

B. Basic Syntax

  1. ตัวแปรและประเภทของข้อมูล
  2. ตัวดำเนินการ
  3. คำสั่งเงื่อนไขและการวนซ้ำ
  4. ฟังก์ชัน

C. Advanced Syntax

  1. การใช้งาน Object
  2. การใช้งาน Class
  3. การใช้งาน Promise
  4. การใช้งาน Asynchronous Function

D. Browser APIs

  1. Document Object Model (DOM)
  2. Browser events
  3. XMLHttpRequest (XHR)
  4. Fetch API

E. Node.js

  1. อธิบาย Node.js
  2. การติดตั้ง Node.js
  3. รูปแบบของโค้ด Node.js
  4. การใช้งาน CommonJS
  5. NPM

II. Node.js
A. Introduction

  1. ความสำคัญของ Node.js
  2. ประวัติของ Node.js
  3. วิธีการใช้ Node.js

B. Basic Syntax

  1. การเขียนโค้ด Node.js พื้นฐาน
  2. การใช้งาน Module
  3. การใช้งาน Event
  4. การใช้งาน Asynchronous Function

C. Advanced Syntax

  1. การใช้งาน Streams
  2. การใช้งาน Buffers
  3. การใช้งาน Clusters

D. Express.js

  1. อธิบาย Express.js
  2. การติดตั้ง Express.js
  3. การสร้างและใช้งาน Route
  4. การใช้งาน Middleware

E. Database

  1. การเชื่อมต่อกับ Database
  2. การใช้งาน MongoDB
  3. การใช้งาน MySQL

III. แหล่งเรียนรู้
A. Official Documentation

  1. JavaScript: https://developer.mozilla.org/en-US/docs/Web/JavaScript
  2. Node.js: https://nodejs.org/en/docs/

JavaScript มีความสำคัญอย่างไร

JavaScript เป็นภาษาโปรแกรมมิ่งที่มีความสำคัญมากในสมัยปัจจุบันเนื่องจากมีการใช้งานอย่างแพร่หลายในหลายด้าน เช่น เว็บไซต์, แอปพลิเคชันเว็บ, แอปพลิเคชันมือถือ และอื่นๆ อีกมากมาย โดยความสำคัญของ JavaScript มีดังนี้

  1. ใช้สร้างและจัดการเว็บไซต์แบบ Dynamic: JavaScript ช่วยให้เว็บไซต์แสดงผลข้อมูลแบบไดนามิกโดยไม่ต้องโหลดหน้าเว็บใหม่ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูล

  2. ตอบสนองและปรับปรุงประสิทธิภาพเว็บไซต์: JavaScript ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถโหลดและใช้งานเว็บไซต์ได้ไวขึ้น และช่วยลดการใช้งานแบนด์วิดท์ของเซิร์ฟเวอร์

  3. ใช้สร้างแอปพลิเคชันและเกมส์: JavaScript เป็นภาษาโปรแกรมมิ่งที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการพัฒนาแอปพลิเคชันและเกมส์

  4. ใช้สร้างเว็บเซอร์วิสและเว็บแอปพลิเคชัน: JavaScript ช่วยให้สามารถพัฒนาเว็บเซอร์วิสและเว็บแอปพลิเคชันที่สามารถทำงานร่วมกับฝั่งของเซิร์ฟเวอร์ได้

  5. ใช้ในการทำงานของ Internet of Things (IoT): JavaScript สามารถนำมาใช้ในการพัฒนาโปรแกรมสำหรับ IoT ได้เช่นกัน

ประวัติของภาษา JavaScript
ภาษา JavaScript ถือเป็นภาษาโปรแกรมมิ่งที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก เป็นภาษาสคริปต์เชิงความสามารถสูง (High-level Scripting Language) ซึ่งมีประวัติศาสตร์ย้อนหลังยาวนานกว่า 20 ปี โดยภาษา JavaScript มีกำเนิดมาจากแรกๆ ก็เพื่อให้ใช้งานบนเว็บเบราว์เซอร์ Netscape Navigator ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัท Netscape ในปี 1995 โดยมี Brendan Eich เป็นผู้สร้าง (Creator) ของภาษานี้

ในช่วงแรก JavaScript ถูกเรียกว่า Mocha หรือ LiveScript แต่ในที่สุดก็ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น JavaScript และถูกส่งให้กับ ECMA (European Computer Manufacturers Association) เพื่อกำหนดมาตรฐานและสร้างความเข้าใจร่วมกันในการพัฒนา จากนั้นก็ได้ถูกนำไปใช้งานในการพัฒนาเว็บไซต์ต่างๆ อย่างแพร่หลาย และในปัจจุบัน JavaScript กลายเป็นภาษาโปรแกรมมิ่งยอดนิยมอย่างหนึ่งที่คนใช้งานกันอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ Front-end หรือ Back-end ซึ่งจะใช้ Node.js ในการพัฒนา Back-end ด้วยภาษา JavaScript ด้วยกัน

มีข้อเสียหรือไม่เหมาะกับงานใดบ้าง
เนื่องจาก JavaScript เป็นภาษาที่กว้างขวางและมีความยืดหยุ่น ดังนั้นมีข้อเสียที่ต้องพูดถึงด้วย โดยสาเหตุสำคัญ 2 อย่าง ได้แก่

ความเป็นไปได้ของบั๊ก (Bug): เนื่องจาก JavaScript เป็นภาษาที่มีความยืดหยุ่นสูง การเขียนโค้ดผิดพลาดสามารถเกิดขึ้นได้ง่าย และบางครั้งอาจไม่เห็นบั๊กเหล่านั้นเลย ซึ่งอาจจะทำให้โปรแกรมมีความผิดพลาดหรือไม่ทำงานอย่างถูกต้อง

ประสิทธิภาพ (Performance): โดยทั่วไป JavaScript จะทำงานได้ช้ากว่าภาษาอื่นๆ เช่น C++ หรือ Java แต่ต้องระบุว่าปัญหานี้มีการปรับปรุงในรุ่นล่าสุดของ JavaScript เช่น Node.js และ V8 engine ที่ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของ JavaScript ได้มากขึ้น

ดังนั้นการใช้ JavaScript นั้นควรพิจารณาความเหมาะสมของการนำมาใช้กับงานและต้องมีการทดสอบและตรวจสอบโค้ดเพื่อลดความเสี่ยงจากบั๊กและประสิทธิภาพที่ต่ำกว่าภาษาอื่น ๆ ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น

JavaScript ไม่เหมาะกับงานคณิตศาสตร์ชั้นสูงใช่หรือไม่
จริง ๆ แล้ว JavaScript ถือว่าไม่เหมาะสำหรับการทำงานทางคณิตศาสตร์ชั้นสูง เนื่องจาก JavaScript ไม่มีการจัดการกับตัวแปรที่มีความแม่นยำสูงพอเพียงในการคำนวณทางคณิตศาสตร์ได้ เช่น การทำงานกับจำนวนทศนิยมที่มีจำนวนหลักเยอะ โดยเฉพาะการปัดเศษทศนิยม ซึ่งอาจทำให้ผลลัพธ์คำนวณไม่แม่นยำ แต่ JavaScript ยังคงมีประโยชน์ในการทำงานทางคณิตศาสตร์ระดับพื้นฐานได้เช่นกัน
JavaScript เป็นภาษาโปรแกรมมิ่งที่มีการเขียนและใช้งานอย่างแพร่หลายในการพัฒนาโปรแกรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเว็บแอปพลิเคชัน, แอปพลิเคชันมือถือ, และโปรแกรมอื่นๆ โดยเฉพาะในเว็บแอปพลิเคชัน มักมีการใช้งาน JavaScript เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถมีประสิทธิภาพการใช้งานและประสิทธิภาพการโหลดเว็บไซต์ได้ดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม JavaScript ไม่เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำของค่าทางคณิตศาสตร์ชั้นสูง ดังนั้นถ้าต้องการใช้ JavaScript ในการคำนวณทางคณิตศาสตร์ในระดับชั้นสูง อาจต้องใช้เครื่องมือเสริมเช่น library หรือ framework ที่รองรับความต้องการนี้ หรือควรพิจารณาใช้ภาษาโปรแกรมมิ่งอื่นๆ ที่มีความแม่นยำทางคณิตศาสตร์สูงกว่า JavaScript และรองรับงานด้านคณิตศาสตร์ชั้นสูงได้ดีกว่า อย่างเช่น Python, R, Matlab, หรือ Julia ซึ่งเป็นภาษาโปรแกรมมิ่งที่เหมาะสำหรับงานทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรม

บทความต่อไปเราจะมาเริ่มเขียน JavaScript กัน

Top comments (0)